Nefertiti and the Lost Dynasty
เนเฟอตีติ อมตะราชินี
นางคือหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ซึ่งถือกำเนิดในตระกูลสูงศักดิ์ เติบโตเป็นหญิงผู้เลอโฉม ตำนานแห่งความงาม ราชินีเนเฟอตีติ ผู้ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในสามของผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ มเหสีที่มีชื่อเสียงที่สุดของอียิปต์ แต่บั้นปลายชีวิตของนาง กลับกลายเป็นหนึ่งในปริศนาดำมืดที่ลึกลับที่สุดของอียิปต์โบราณ การค้นหาที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายศัตวรรษจนกระทั่งปัจจุบัน ก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าเหตุใดนางจึงได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยในประวัติศาสตร์ ท่ามกลางผืนทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาล อะไรเกิดขึ้นกับนางและราชวงศ์ที่สาบสูญ?
ภาพด้านซ้ายมือเป็นรูปปั้นของเนเฟอตีติขุดพบที่พระราชวังโบราณ ในเมืองอามาน่าประเทศอียิปต์เมื่อปี ค.ศ.1912 (อายุประมาณ 3,200 ปี จากประมาณ 1345 ปีก่อนคริสตกาล) ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน รูปปั้นนี้เป็นรูปปั้นที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกรูปหนึ่ง และเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งอีกชิ้นหนึ่งที่ทำให้นักประวัติศาสตร์ไม่เคยลังเลเลย ที่จะบอกว่าเนเฟอตีติเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์
เครื่องซีทีสแกนเป็นเครื่องมือที่ทันสมัย และดีที่สุดในปัจจุบันสำหรับใช้ตรวจวิเคราะห์มัมมี่ เพราะสามารถให้ข้อมูลสามมิติทั้งภายนอกและภายในของมัมมี่ได้ชัดเจนโดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างของมัมมี่ และยังสามารถให้ข้อมูลอวัยวะภายใน อายุ สภาพการเจ็บป่วยและโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย
ตามราชประเพณี ฟาโรห์ต้องสมรสกับพระพี่นางหรือพระน้องนางที่ประสูติจากพระมารดาคนเดียวกันก่อน พระองค์จึงผลัดผ่อนการแต่งงานกับเจ้าหญิงสมันตาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโชคช่วยเมื่อเจ้าหญิงสมันตาสิ้นพระชนม์ลงด้วยโรคร้าย ฟาโรห์อมันโฮเทปที่ 4 จึงรีบอภิเษกสมรสกับเนเฟอตีติโดยเร็วเพื่อไม่ให้พวกนักบวชอามุนมีเวลาคัดค้าน
|
ความรักของทั้งสองได้กลายมาเป็นตำนานรักอมตะ โดยมีบันทึกไว้ในหลักศิลาจารึกของอียิปต์โบราณ
ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่นักบวชนิกายอามุนมีอำนาจมาก จนสามารถเข้าครอบงำการบริหารงานภายในราชสำนักได้ ซึ่งศาสนาดั้งเดิมของอียิปต์ที่นับถือกันมานับพันปีนั้นเป็นการนับถือเทพเจ้าหลายองค์จำนวนมาก แต่ฟาโรห์อมันโฮเทปที่ 4 ทรงศรัทธาในสุริยเทพหรืออาเทนว่าเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงพระองค์เดียว และให้ความสำคัญในเรื่องของศิลธรรมจรรยา เมตตาธรรม และคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นวิวัฒนาการแห่งความเชื่อของมนุษย์ในเรื่องศาสนาที่ก้าวหน้าขึ้นมาอีกก้าวหนึ่ง เนเฟอตีติสนับสนุนความเชื่อมั่นของพระสวามีอย่างแข็งขัน นางเป็นแรงผลักดันและเป็นกำลังใจที่สำคัญในการปฏิวัติความเชื่อและประเพณีการปกครองของอียิปต์เสียใหม่ ซึ่งทำให้พวกนักบวชในนิกายอามุน ซึ่งเคยมีอำนาจและเคยชินกับลาภยศที่เคยได้รับพากันโกรธแค้น และยุยงให้ราษฎรหวั่นวิตกต่อความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้น
|
ภาพแกะสลักแสดงให้เห็นเนเฟอตีติทรงรถม้าศึกถืออาวุธสงครามอยู่ในมือ นำกองทัพเข้าต่อสู้กับศัตรูของอียิปต์
|
เมื่อการต่อสู้ระหว่างราชวงศ์กับพวกนักบวชอามุนรุนแรงยิ่งขึ้น ฟาโรห์อมันโฮเทปที่ 4จึงได้ตัดสินใจประกาศห้ามราษฎรบูชาเทพอามุนและเทพอื่นๆ โดยให้บูชาแต่สุรยเทพอาเทนเพียงพระองค์เดียว และยังเปลี่ยนพระนามของตนเองจาก อมันโฮเทพ (แปลว่าเทพอามุนสิงสถิตย์) มาเป็นอัคเคนาเทน (แปลว่ามีสัมพันธภาพอันดีกับเทพอาเทน) ทรงเนรเทศพวกนักบวชอามุนออกไปและย้ายเมืองหลวงจากทีบส์ไปที่อามาน่า และให้ชื่อว่าอัคเคทาเทน เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของอียิปต์ตามความประสงค์ของพระองค์
เพื่อให้การปฏิวัติศาสนา และระบบการเมืองการปกครองของพระองค์ประสบความสำเร็จ ฟาโรห์อัคเคนาเทนจึงทรงย้ายเมืองหลวงจากทีบส์ไปยังอามาน่า เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับสิ่งที่ดีกว่าเดิมทั้งหมดพร้อมกัน
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น